ประกาศสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนูร์-ซุลตัน

ที่ 7/ 2564

เรื่อง มาตรการการเดินทางเข้าประเทศไทยและการกักกันตัวสำหรับชาวไทย

*****************************************

      ตามที่ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ครั้งที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน นั้น

     สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนูร์-ซุลตันขอเรียนมาตรการการเดินทางเข้าประเทศไทยและการกักกันตัวสำหรับชาวไทย ดังนี้

1. มาตรการลดระยะเวลาการกักกันตัว

   1.1 ระยะเวลาในการกักกันตัวในสถานที่กักกันตัวประเภท State Quarantine (SQ) Local Quarantine (LQ) Alternative State Quarantine (ASQ) Alternative Local Quarantine (ALQ) Hospital Quarantine (HQ) AHQ (Alternative Hospital Quarantine) และ Organizational Quarantine (OQ) ลดลงจาก 14 วัน (15 คืน) เหลือ 10 วัน (11 คืน) ยกเว้นกรณีเดินทางมาจากประเทศที่มีเชื้อกลายพันธุ์ให้คงระยะเวลาการกักกันตัวไว้ที่ 14 วันตามเดิม โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้เดินทางจะต้องตรวจหาเชื้อ COVID-19 โดยวิธี RT-PCR จำนวน 2 ครั้ง ในช่วงวันที่
3-5 และ 9-10 ของการกักตัว

    1.2 กระทรวงสาธารณสุขจะประกาศรายชื่อประเทศที่มีเชื้อกลายพันธุ์ให้ทราบ โดยจะมีการปรับสถานะทุก 1 เดือน*

2. มาตรการผ่อนคลายในสถานกักกันตัว

    - ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ให้มีการผ่อนคลายกิจกรรมต่าง ๆ ในสถานกักกันตัว
โดยสามารถออกนอกห้องพักได้ตามเวลาและเงื่อนไขที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ได้แก่ การใช้ห้องฟิตเนส การออกกำลังกายกลางแจ้ง การใช้สระว่ายน้ำ การปั่นจักรยานในพื้นที่ปิดและมีการควบคุม และการซื้อสินค้าและอาหารจากภายนอก

3. ใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางมีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง (fit to fly/ fit to travel health certificate)

                       ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 บุคคลสัญชาติไทยที่จะเดินทางกลับประเทศไทยสามารถเลือกแสดงเอกสาร fit to fly หรือเอกสารที่รับรองว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อ COVID-19 (ใบตรวจโรค COVID-19) โดยวิธี RT-PCR อย่างใดอย่างหนึ่ง

                                                             สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนูร์-ซุลตัน

                                                                   31 มีนาคม พ.ศ. 2564

*  ข้อมูลข้างต้นเป็นการแจ้งเพื่อให้ข้อมูลตามสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้ อาจมีการปรับข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อศูนย์บริหารสถานการณ์โควิดหรือกระทรวงสาธารณสุขแจ้งปรับปรุงอย่างเป็นทางการ